เด็กคืออนาคตของชาติ ควันบุหรี่มือสามคือความผิดพลาด ที่ทำร้ายอนาคตของหนู

     เมื่อวันเด็กมาถึง ภาพรอยยิ้มและความสดใสของเด็กก็ปรากฏตามสื่อมากมาย ส่วนใหญ่ตามโรงเรียน สถานที่ราชการ ชุมชน หมู่บ้านหรือตามศูนย์การค้าจะให้ความสำคัญกับวันเด็ก โดยจัดกิจกรรมแจกของขวัญ ของเล่น แจกอาหารให้เด็กได้ทานฟรี หรือมีกิจกรรมให้เด็กได้แสดงความสามารถ แต่แล้วก็ต้องสะดุดด้วยควันบุหรี่ที่ปลิวแทรกเข้ามา ควันบุหรี่เป็นภัยใกล้ตัวที่ทำให้เด็กป่วยด้วยโรคระบบทางเดินหายใจติดเชื้อ โรคหัวใจ โรคมะเร็ง โรคปอดเรื้อรัง ที่สำคัญจากการสูดดมควันบุหรี่จากคนในบ้าน ควันบุหรี่มีสารเคมีมากกว่า 60 ชนิดที่ทางการแพทย์ระบุว่าเป็นสารก่อมะเร็ง ความรุนแรงขึ้นอยู่กับระดับความเข้มข้นของสารเคมีที่สูดหายใจเข้าไป ถ้าวัดระดับสารโคตินินในเลือดได้ตั้งแต่ 1 mg/ml ขึ้นไปก็ถือว่ามีอันตรายต่อสุขภาพ หรือมีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคต่างๆ ตามมามากขึ้น

     คนส่วนใหญ่มักคิดว่ามีเฉพาะกลิ่นบุหรี่เท่านั้นที่ตกค้างอยู่ตามสิ่งแวดล้อมที่เป็นอันตราย แต่อันที่จริงมีสารเคมีที่เป็นอันตรายจำนวนมากตกค้างอยู่ด้วย ลูกจึงได้รับทุกอย่างจากบุหรี่เข้าไปด้วย เมื่อควันบุหรี่ไม่ยอมสลายตัวไปในระยะเวลาอันสั้น หากแต่ยังคงแฝงความอันตรายในรูปของ ‘ควันบุหรี่มือสาม’ แล้วควันบุหรี่ทั้ง 3 รูปแบบแตกต่างกันอย่างไร

1. ควันบุหรี่มือหนึ่ง คือ ควันบุหรี่ที่ผู้สูบดูดเข้าไปในร่างกาย
2. ควันบุหรี่มือสอง คือ ควันจากบุหรี่ที่เผาไหม้ และควันที่ผู้สูบพ่นหรือหายใจออกมา
3. ควันบุหรี่มือสาม คือ ละอองสารเคมีที่เป็นพิษจากควันบุหรี่ที่ตกค้างเกาะติดอยู่ตามสิ่งต่างๆ ในสถานที่ที่มีการสูบบุหรี่ แม้บุหรี่จะดับไปแล้ว ซึ่งรู้สึกได้จากกลิ่นที่ยังอบอวลอยู่หรือกลิ่นจากตัวผู้สูบ

     พ่อแม่และผู้ใหญ่ที่สูบบุหรี่อาจคิดว่าไปสูบบุหรี่ข้างนอกบ้านแล้วไม่เป็นอันตราย พอกลับเข้ามาในบ้านก็เข้ามากอดลูกหลาน และทำกิจกรรมต่างๆ ภายในบ้าน ทำให้พื้นที่ปนเปื้อนสารพิษและแพร่กระจายไปทั่ว ในขณะที่เด็กๆ มักจะเล่นหรือคลานอยู่ตามพื้น หรือหยิบสิ่งของต่างๆ มาอมเล่น เด็กจึงมีโอกาสถูกทำร้ายด้วยควันบุหรี่มือสามได้ถึง 20 เท่า ดังนั้น เพื่อให้เด็กวันนี้ได้โตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพดีในวันหน้า จึงควรให้โอกาสพวกเขาได้เติบโตอย่างมีคุณภาพทั้งทางกายและทางใจ โดยร่วมกันปกป้องลูกหลานห่างไกลพิษภัยควันบุหรี่ด้วยการทำให้บ้านปลอดบุหรี่