Last updated: 16 ม.ค. 2563 | 3443 จำนวนผู้เข้าชม |
คิดว่าทุกท่านน่าจะเคยได้ยินประโยค “โตขึ้นหนูอยากเป็นครูค่ะ/ครับ” คำว่า “ครู” เป็นไอดอลของนักเรียนส่วนใหญ่ แต่ถ้านักเรียนได้กลิ่นบุหรี่จากครูก็ชวนให้คิดว่านักเรียนจะทำอย่างไร ในเมื่อภาพลักษณ์ครูกับบุหรี่นั้นจะเป็นภาพจำของนักเรียนไปอีกนาน
ทำไมต้องห้ามนักเรียนสูบบุหรี่หรือช่วยนักเรียนให้เลิกบุหรี่ ก็เพราะบุหรี่คือจุดเริ่มต้นของยาเสพติดและอบายมุขทุกชนิด ที่สำคัญครูจะต้องไม่สูบบุหรี่ และต้องช่วยให้นักเรียนเลิกสูบบุหรี่ด้วย ครูจึงต้องมีมุมมองต่อการช่วยนักเรียนให้เลิกสูบบุหรี่เป็นบวก มีแรงบันดาลใจที่จะทำ มีใจรักที่จะช่วยเหลือนักเรียน เสียสละเวลาในการดูแลนักเรียน รู้เทคนิควิธีการพูดคุยกับวัยรุ่นที่สูบบุหรี่ และรู้วิธีการสร้างทีมงาน โดยก่อนจะเริ่มช่วยนักเรียนให้เลิกสูบบุหรี่ ต้องเข้าใจว่าการเลิกสูบบุหรี่จนสำเร็จมาจากหลายปัจจัย เช่น ระดับการเสพติดที่มากน้อยต่างกัน การตัดสินใจเลิกสูบอย่างแน่วแน่ไม่ยอมแพ้ระหว่างทาง คนรอบข้างชี้แนะแนวทางและให้กำลังใจ ที่สำคัญการบังคับโดยไม่สมัครใจเลิกแทบไม่มีโอกาสสำเร็จ
ครูที่เลิกสูบบุหรี่ได้สำเร็จเป็นตัวอย่างและให้ข้อคิดเห็นแก่นักเรียน และเสริมแรงด้วยการให้กำลังใจให้ประสบความสำเร็จในการเลิกบุหรี่ ควรให้คำปรึกษานักเรียนให้เลิกสูบบุหรี่โดยสร้างสัมพันธภาพ สร้างแรงจูงใจ ให้ความรู้เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรม สำรวจสาเหตุการติดและแก้ไขที่ต้นเหตุ กำหนดวันที่จะเลิกบุหรี่ เลือกวิธีที่เหมาะสมกับความสามารถของแต่ละคน ให้กำลังใจสร้างความเชื่อมั่นว่าจะควบคุมตนเองได้ นัดวันที่จะติดตามผลการเลิกสูบบุหรี่ ที่สำคัญสร้างความยั่งยืนในการเลิกบุหรี่ โดยสอนนักเรียนให้รู้จักการปฏิเสธเพื่อไม่ให้กลับไปสูบบุหรี่อีก ฝึกการจัดการกับตัวกระตุ้นที่ทำให้อยากสูบบุหรี่ ให้โอกาสช่วยเพื่อนที่ยังเลิกสูบบุหรี่ไม่ได้ ชวนมาทำงานเป็นแกนนำรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่
สุดท้ายขอเป็นกำลังใจให้ครูทำสิ่งดีๆ ให้กับตนเอง มีสุขภาพดีห่างไกลจากควันบุหรี่ และสามารถช่วยลูกศิษย์ให้เลิกสูบบุหรี่ได้จากประสบการณ์เลิกบุหรี่ของครูเอง
11 เม.ย 2566
28 เม.ย 2566
25 เม.ย 2566